สุขภาพของเด็กเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดที่พ่อแม่และผู้ปกครองให้ความใส่ใจตั้งแต่วันแรกที่ลูกเกิดมาลืมตาดูโลก ไปจนถึงวันที่พวกเขาเติบโตเข้าสู่วัยรุ่น เด็กแต่ละช่วงวัยมีความต้องการที่แตกต่างกัน ทั้งในด้านการดูแลสุขภาพ การพัฒนาการ และการรับมือกับพฤติกรรมต่าง ๆ โรงพยาบาลเด็กจึงได้จัดตั้งแผนกกุมารเวชกรรมเป็นสถานที่สำคัญที่คอยดูแล รักษา รวมไปถึงการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเด็กแต่ละช่วงวัยด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือที่ทันสมัย
บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจ ทำความรู้จักกับโรงพยาบาลเด็ก เชียงใหม่ ราม ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศูนย์เฉพาะเด็ก ที่มีมาตรฐานการให้บริการสูง ครอบคลุมการรักษารอบด้านโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวช เพื่อทำให้ชีวิตของเด็กเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เด็กแต่ละคน แต่ละวัยล้วนมีมีความต้องการ พฤติกรรม สภาพจิตใจ สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน โรงพยาบาลเด็กจึงถูกสร้างมาเพื่อดูแลรักษา เยี่ยวยาสภาพจิตใจเด็กรวมไปถึงการให้คำแนะนำต่าง ๆ กับพ่อแม่ผู้ปกครองเด็ก
เด็กในแต่ละช่วงวัยมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน พ่อแม่ ผู้ปกครองควรให้การดูแลเอาใจใส่ ปรับเปลี่ยนการดูแลให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มพัฒนาการและการเจริญเติบโตของเด็กให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยพัฒนาการของเด็กทารกไปจนถึงอายุ 6 ขวบมีความแตกต่างกันไปตามช่วงวัย
การมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชทุกสาขา ที่คอยดูแลหรือให้คำปรึกษาในเรื่องต่าง ๆ กับพ่อแม่ ผู้ปกครองเด็กเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้เด็กมีการเจริญเติบโต หรือ มีพัฒนาการที่เหมาะสมแต่ละวัยได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงเท่านี้ยังสามารถนำคำแนะนำไปใช้ได้อย่างเหมาะสมและถูกวิธี
สำหรับลูกหรือเด็กเล็กเป็นเรื่องปกติที่จะป่วยได้ง่ายเนื่องจากมีระบบภูมิคุ้มกันที่ยังไม่แข็งแรงเท่าผู้ใหญ่จึงทำให้มีโอกาสติดเชื้อ ไม่สบายได้ง่ายกว่าโดยเฉพาะเชื้อที่แพร่กระขายมาจากอากาศ รวมไปถึงการดูแลสุขอนามัยของตัวเด็กเอง จึงมีความเสี่ยงที่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายเด็กได้ง่าย
ตัวอย่างโรคที่มักจะเกิดขึ้นกับเด็ก
โรคทางเดินหายใจ RSV
โรคไข้หวัดใหญ่
โรคมือเท้าปาก
โรคเฮอร์แปงไจน่า
โรคติดเชื้อไอพีดี
โรคระบบทางเดินอาหาร
โรคระบบทางเดินหายใจ
ไม่เพียงเท่านี้ โรงพยาบาลเด็กเชียงใหม่ รามยังมีบริการฉีดวัคซีนตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงอายุ 12 ปี
ตารางวัคซีนเด็กที่ควรได้รับ
อายุ |
วัคซีนที่ต้องได้รับ |
เด็กแรกเกิด |
บีซีจี (BCG), ตับอักเสบบี (HB1) |
1 เดือน |
ตับอักเสบบี (HB2) เฉพาะรายที่เกิดจากมารดาที่เป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบบี |
2 เดือน |
คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบบี (DTP-HB1)*, โปลิโอชนิดหยอด (OPV1) |
4 เดือน |
คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบบี (DTP-HB2)*, โปลิโอชนิดหยอด (OPV2) และโปลิโอชนิดฉีด (IPV) 1 เข็ม |
6 เดือน |
คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบบี (DTP-HB3)*, โปลิโอชนิดหยอด (OPV3) |
9-12 เดือน |
หัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR1) |
1 ปี |
ไข้สมองอักเสบเจอี (LAJE1) |
1 ปี 6 เดือน |
คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (DTP4), โปลิโอชนิดหยอด (OPV4) |
2 ปี 6 เดือน |
หัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR2), ไข้สมองอักเสบเจอี (LAJE2) |
4 ปี |
คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (DTP5), โปลิโอชนิดหยอด (OPV5) |
11 ปี |
เอชพีวี (HPV1, HPV2) ห่างกันอย่างน้อย 6 เดือน |
12 ปี |
คอตีบ-บาดทะยัก (dT) |
สามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาโรคเด็กเพิ่มเติมได้ที่ โรงพยาบาลเด็ก เชียงใหม่ ราม