โรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม chiangmai ram hospital
ENG
ไทย
ENG
ไทย
Toggle navigation
หน้าแรก
(current)
ข่าวสาร
(current)
แพทย์
ค้นหาแพทย์
นัดแพทย์
บริการสำหรับผู้ป่วย
มีเดีย
วารสาร
รายการ TV
บทความสุขภาพ
INFOGRAPHIC
การรักษา
ศูนย์เฉพาะทาง
แผนก
เชียงใหม่ ราม เฮลท์ แอปพลิเคชัน
สิ่งอำนวยความสะดวก
ห้องพักผู้ป่วยใน
บริการอื่นๆ
แพ็กเกจ
แพ็คเกจและโปรโมชั่น
แพ็คเกจคลอด
บริการซื้อแพ็คเกจออนไลน์
เกี่ยวกับเรา
(current)
ติดต่อเรา
ติดต่อเรา
สมัครงาน
Customer Concerns
ค้นหาแพทย์
นัดแพทย์
มีเดีย
วารสาร
รายการ TV
บทความสุขภาพ
INFOGRAPHIC
การรักษา
ศูนย์เฉพาะทาง
แผนก
เชียงใหม่ ราม เฮลท์ แอปพลิเคชัน
สิ่งอำนวยความสะดวก
ห้องพักผู้ป่วยใน
บริการอื่นๆ
แพ็คเกจและโปรโมชั่น
แพ็คเกจคลอด
บริการซื้อแพ็คเกจออนไลน์
ติดต่อเรา
สมัครงาน
Customer Concerns
หน้าแรก
มีเดีย
บทความสุขภาพ
ภาวะเลือดออกในสมองของเด็ก
ภาวะเลือดออกในสมองของเด็ก
October 24 / 2023
ภาวะเลือดออกในสมอง (Intracerebral hemorrhage) หรือ ICH เป็นภาวะทางการแพทย์ที่พบได้ยากแต่ร้ายแรง โดยมีเลือดออกภายในเนื้อเยื่อสมอง แม้ว่าอาการนี้จะเกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่มากกว่า แต่เด็กก็อาจมีอาการตกเลือดในสมองได้เช่นกัน ซึ่งมักเกิดจากอุบัติเหตุ ในฐานะผู้ปกครองจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องระวังถึงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นและผลที่ตามมา รวมถึงมาตรการป้องกันเพื่อปกป้องความปลอดภัยให้กับลูกรักของเรา ซึ่งสาเหตุของอุบัติเหตุที่พบได้มากว่าอาจเกิดขึ้นกับเด็กๆได้ มีดังนี้
1. การหกล้มและการบาดเจ็บที่ศีรษะ :
การล้มโดยอุบัติเหตุเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะเลือดออกในสมองในเด็ก โดยธรรมชาติแล้วเด็กๆ มักจะอยากรู้อยากเห็นและมีแนวโน้มที่จะปีนป่าย วิ่ง และสำรวจ ซึ่งบางครั้งอาจทำให้ล้มจนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแน่ใจว่าบ้านของคุณมีการป้องกันความปลอดภัยให้ดี โดยอาจมีประตูนิรภัย พื้นที่เด็กเล่นที่อ่อนนุ่ม และเฟอร์นิเจอร์ที่ปลอดภัยเพื่อลดความเสี่ยงที่จะล้ม อีกทั้งควรคอยดูแลลูกของคุณในระหว่างการเล่นอย่างใกล้ชิดเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาทำกิจกรรมที่อาจนำไปสู่การบาดเจ็บที่ศีรษะได้
2. อุบัติเหตุทางรถยนต์ :
อุบัติเหตุทางรถยนต์อาจส่งผลร้ายแรงต่อเด็ก รวมถึงการตกเลือดในสมอง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกของคุณถูกยึดอย่างแน่นหนาเสมอในคาร์ซีทหรือเบาะเสริมที่เหมาะสมกับวัยเมื่อเดินทางในยานพาหนะต่างๆ โดยเฉพาะทางรถยนต์ ปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยด้านการจราจรอย่างขยันขันแข็ง และระมัดระวังอย่างเคร่งครัดเสมอทั้งในการขับขี่ รวมไปถึงไม่ให้มีสิ่งที่อาจเป็นอันตรายในบริเวณที่นั่งของเด็ก โดยเฉพาะไม่ควรให้เด็กนั่งที่เบาะหน้ารถ
3. กิจกรรมกีฬาและสันทนาการ :
เด็กที่กระตือรือร้นมักจะเข้าร่วมในกิจกรรมกีฬาและสันทนาการ ซึ่งบางครั้งอาจทำให้ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะได้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบุตรหลานของคุณสวมอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม เช่น หมวกกันน็อค เมื่อขี่จักรยาน สเก็ตบอร์ด หรือเข้าร่วมในกีฬาที่อาจเกิดอันตรายได้ เช่น ฟุตบอลหรือฮ็อกกี้ อีกทั้งต้องเคร่งครัดให้พวกเขาปฏิบัติตามกฎและเล่นอย่างปลอดภัย
4. อุบัติเหตุในสนามเด็กเล่น :
สนามเด็กเล่นเป็นแหล่งความสนุกสนานที่พบบ่อยสำหรับเด็ก แต่ก็อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงได้เช่นกัน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์สนามเด็กเล่นอยู่ในสภาพดีและบุตรหลานของคุณใช้อย่างปลอดภัย สอนให้ระมัดระวังในการปีน แกว่ง หรือเลื่อน และดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจนำไปสู่การบาดเจ็บที่ศีรษะ
5. อาการเด็กถูกทารุณกรรมและอาการชัก :
น่าเศร้าที่ภาวะตกเลือดในสมองอาจเป็นผลมาจากการทารุณกรรมเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอาการชัก ระมัดระวังและขอความช่วยเหลือทันทีหากคุณสงสัยว่ามีการปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมทุกรูปแบบ ให้ความรู้ตัวเองเกี่ยวกับอันตรายของการเขย่าทารกและดูแลทารกอย่างอ่อนโยนและระมัดระวังเสมอ
ผลที่ตามมาและสิ่งที่ควรทราบ :
อาการเลือดออกในสมองของเด็กเด็กอาจส่งผลร้ายแรง รวมถึงความบกพร่องทางระบบประสาท พัฒนาการล่าช้า และแม้กระทั่งการเสียชีวิต ผู้ปกครองจำเป็นต้องตระหนักถึงอาการและอาการแสดง ซึ่งอาจรวมถึงอาการปวดศีรษะ อาเจียน อาการชัก การรับรู้ที่เปลี่ยนแปลงไป หรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม หากคุณสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ ให้ไปพบแพทย์ทันที
การป้องกันภาวะเลือดออกหรือตกเลือดในสมองของเด็กเด็กต้องอาศัยทั้งมาตรการเฝ้าระวัง การให้ความรู้ และความปลอดภัย ตรวจสอบและป้องกันเด็กในบ้านของคุณเป็นประจำ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบุตรหลานของคุณใช้อุปกรณ์ความปลอดภัยที่เหมาะสมในระหว่างทำกิจกรรม และดูแลพวกเขาอย่างใกล้ชิดเสมอ นอกจากนี้ ให้ความรู้แก่บุตรหลานของคุณเกี่ยวกับกฎความปลอดภัยและความสำคัญของพฤติกรรมที่มีความรับผิดชอบ
ภาวะเลือดออกในสมองของเด็กจะแสดงอาการได้หลากหลาย เริ่มตั้งแต่สัญญาณเริ่มแรกจนถึงสัญญาณบ่งชี้ที่รุนแรง
อาการในระยะเริ่มแรกอาจรวมถึงปวดศีรษะเฉียบพลันรุนแรง อาเจียน ชัก หรืออ่อนแรง/ชาซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย
อาการขั้นกลางอาจเกี่ยวข้องกับอาการทางร่างกาย เช่น พูดลำบาก ปัญหาการมองเห็น และปัญหาการทรงตัว
ในกรณีที่รุนแรง เด็กอาจหมดสติ มีอาการอ่อนแรงหรือเป็นอัมพาตอย่างรุนแรง ไปจนถึงขั้นโคม่า ผู้ปกครองจะต้องระมัดระวังและพาเด็กไปพบแพทย์ทันที
หากสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ในเด็ก เนื่องจากการวินิจฉัยและให้การรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของเด็กเมื่อมีอาการภาวะเลือดออกในสมองของเด็ก การดำเนินการอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการรับประกันความปลอดภัย และ การรอดชีวิตจากอันตรายของเด็ก
การวินิจฉัยอาการเลือดออกในสมอง :
การวินิจฉัยอาการเลือดออกในสมองโดยเฉพาะในเด็กนั้น จะต้องวินิจฉัยโดยแพทย์ทางด้านเวชบำบัดฉุกเฉินและวิกฤตในเด็กที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ โดยมีวิธีการในการวินิจฉัยด้วยเครื่องมือ CT-MRI (Computed Tomography - Magnetic Resonance Imaging) ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้ในการตรวจสอบสภาวะเลือดออกในสมองของเด็กอย่างไร้ความเจ็บปวด โดยทั้งสองเครื่องมือนี้มีความสามารถในการสร้างภาพของสมองของเด็กในระดับละเอียดสูง ที่ช่วยให้แพทย์สามารถวิเคราะห์โรคและสภาวะต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
CT SCAN (Computed Tomography) ใช้รังสี X-ray เพื่อสร้างภาพของสมอง ซึ่งสามารถแสดงภาพของโครงสร้างภายในสมองและจำนวนเล็กมาก อย่างเช่น การรั่วเลือด การปลายเส้นเลือดแตกร้าว หรืออาการผิดปกติในสมอง
MRI (Magnetic Resonance Imaging) ใช้สนามแม่เหล็กและคลื่นวิทยุเพื่อสร้างภาพของสมอง มีความสามารถในการแสดงภาพที่ละเอียดแม่นยำของสมอง และสามารถบ่งบอกถึงแหล่งเลือดออกและความผิดปกติทางสมองได้ดี
การตรวจด้วย CT-MRI เพื่อตรวจสอบภาวะเลือดออกในสมองของเด็กจะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคหรือสภาวะได้อย่างแม่นยำ เพื่อการรักษาและดูแลรักษาเด็กในระยะต่อไป ซี่งการรักษาเลือดออกในสมองในเด็กอาจทำได้หลายวิธี เช่น การให้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด หรือการผ่าตัดเพื่อกำจัดเลือดที่รั่วออก เพื่อให้เด็กสามารถกลับสู่สุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
ภาวะเลือดออกในสมองของเด็กถือเป็นภาวะร้ายแรงที่อาจเกิดจากอุบัติเหตุต่างๆ ในฐานะผู้ปกครอง ถือเป็นความรับผิดชอบของเราในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับลูกๆของเรา คอยเตือนและให้ความรู้แก่เด็กเกี่ยวกับความปลอดภัย และระมัดระวังต่อสัญญาณของการบาดเจ็บ ด้วยการใช้มาตรการเชิงรุกและการสังเกตุอยู่เสมอ แล้วพ่อแม่จะสามารถลดความเสี่ยงของอาการเลือดออกในสมองและรับประกันความปลอดภัยของลูกๆที่เรารักได้
หาก
ผู้ปกครองพบเจอเหตุการณ์ที่เกิดจากอุบัติเหตุต่างๆควรพาลูกๆไปพบแพทย์
หรือติดต่อเบอร์ฉุกเฉิน
โรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม โทร 052-004601 ตลอด 24 ชม.