อาการแพ้ท้องถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับคนท้องแทบทุกคน แต่อาการของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน บางคนมีอาการน้อย บางคนอาจรุนแรงจนกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันเลยทีเดียว ซึ่งการรู้จักวิธีดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง จะช่วยให้คุณแม่ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ง่ายขึ้นมาก
อาการแพ้ท้องเป็นสิ่งที่คุณแม่หลายคนต้องเจอ โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ หรือบางคนอาจเริ่มมีอาการเร็วกว่านั้น อาการที่พบบ่อยมีหลากหลายดังนี้
คลื่นไส้ อาเจียน
เบื่ออาหาร
ไวต่อกลิ่น (กลิ่นบางอย่างที่ปกติไม่ได้รู้สึกอะไร อาจกลายเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้คลื่นไส้ อาเจียนได้ทันที)
เวียนหัว หน้ามืด
อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
ท้องอืดหรือแน่นท้อง
อารมย์แปรปรวน
แบ่งอาหารเป็นมื้อย่อย ๆ
แทนที่จะกินอาหาร 3 มื้อ ให้ลองแบ่งเป็นมื้อเล็กๆ ประมาณ 5-6 มื้อต่อวัน จะช่วยให้ลดอาการคลื่นไส้ได้ดีและไม่ทำให้รู้สึกแน่นท้อง
หลีกเลี่ยงอาหารบางประเภท
ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารกลิ่นแรง หรืออาหารที่ทำให้รู้สึกเวียนหัว ควรทานอาหารที่มีรสชาติเบาๆ เช่น ถั่ว กล้วย แตงโม โยเกิร์ต ไข่ ข้าว แครกเกอร์
ดื่มน้ำให้เพียงพอ
พยายามจิบน้ำบ่อยๆ แต่อย่าดื่มรวดเดียวทีละมากๆ เพราะอาจทำให้อาเจียน หรือ จุกท้อง
ควรอยู่ในที่โปร่ง โล่ง มีอากาศถ่ายเท
เนื่องจากกลิ่นอับหรืออากาศร้อนอบอ้าวอาจกระตุ้นให้มีอาการคลื่นไส้ได้ ให้เปิดหน้าต่าง เปิดพัดลมช่วยให้อากาศถ่ายเท หรือ ออกไปเดินเล่นข้างนอกอาคาร
หลีกเลี่ยงดมกลิ่นแรง กลิ่นฉุน
ควรหลักเลี่ยงการใช้น้ำหอม หรือสูดกลิ่นที่ทำให้รู้สึกเวียนหัว คลื่นไส้
ควรนอนหลับพักผ่อนให้มาก
ความเหนื่อยล้าอาจทำให้อาการแพ้ท้องแย่ลง พยายามนอนหลับให้ได้อย่างน้อยวันละ 7–8 ชั่วโมง และพักสายตาระหว่างวันหากรู้สึกอ่อนเพลีย
มีอาการอาเจียนอย่างรุนแรงและบ่อย
น้ำหนักลดอย่างรวดเร็วในช่วงสั้น ๆ
มีอาการขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง ปัสสาวะน้อย สีปัสสาวะเข้ม
มีอาการอ่อนเพลียจนหมดสติ
ปวดท้องรุนแรงหรือมีเลือดออกทางช่องคลอด
หากคุณแม่มีอาการเหล่านี้แนะนำให้รีบไปพบแพทย์โดยทันทีเพื่อวินิจฉัยอาการ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็กในครรภ์ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อมาได้ที่แผนกสูติ-นรีเวช โรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม โทร 052-004699 ต่อ 1500