การฟื้นฟูร่างกายหลังคลอดให้กลับมาแข็งแรง สิ่งที่คุณแม่ควรรู้
May 26 / 2025

ฟื้นฟูร่างกายหลังคลอด

 

หลังคลอดร่างกายของคุณแม่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ต้องการการดูแลอย่างพิเศษ เพราะไม่เพียงแค่ต้องฟื้นตัวจากการตั้งครรภ์และคลอดเท่านั้น แต่ยังต้องมีแรงกายแรงใจในการดูแลลูกน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกอีกด้วย

หลายคนอาจคิดว่าการคลอดลูกคือจุดจบของความเหนื่อยยาก แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของบทบาทคุณแม่ที่ต้องแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ การฟื้นฟูร่างกายหลังคลอดจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากร่างกายไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ในระยะยาว

ภาวะการเปลี่ยนแปลงของร่างกายหลังคลอด

ร่างกายของคุณแม่จะค่อย ๆ ปรับตัวกลับสู่สภาพปกติช่วงหลังคลอด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเหมือนเดิมทุกอย่างในทันที เพราะมีหลายระบบในร่างกายที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว และบางอย่างอาจใช้ระยะเวลาฟื้นฟู การเข้าใจการเปลี่ยนแปลงร่างกายจะช่วยให้คุณแม่ไม่กังวลเกินไป และพร้อมดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสม

1. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

ระดับฮอร์โมนที่พุ่งสูงระหว่างตั้งครรภ์ เช่น เอสโตรเจน, โปรเจสเตอโรน จะลดลงอย่างรวดเร็วหลังคลอด ส่งผลให้เกิดอารมณ์แปรปรวน ภาวะซึมเศร้า อ่อนไหวง่าย หรือมีอาการ เบบี้บลูส์ ซึ่งพบได้บ่อยในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังคลอด

**เบบี้บลู (Baby Blue) หรือภาวะซึมเศร้าหลังคลอด เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนที่รวดเร็วในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังคลอด**

2. มดลูกและหน้าท้อง

มดลูกที่ขยายใหญ่ระหว่างตั้งครรภ์จะค่อย ๆ หดตัวกลับสู่ขนาดปกติในระยะเวลาประมาณ 6 สัปดาห์ ส่วนกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ถูกยืดออกอาจทำให้หน้าท้องหย่อน ต้องใช้การฟื้นฟูที่ถูกวิธี เช่น การออกกำลังกาย

3. อุ้งเชิงกรานและช่องคลอด

คุณแม่หลายคนอาจรู้สึกว่ากล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานอ่อนแรง หรือมีอาการปัสสาวะเล็ด โดยเฉพาะในช่วงไอหรือจาม นี่เป็นผลจากแรงกดทับและการเบ่งคลอด ซึ่งสามารถฟื้นฟูได้ด้วยการฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน 

4. เต้านม

ฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการผลิตน้ำนมจะเริ่มทำงานมากขึ้น ทำให้เต้านมตึง คัด หรือเจ็บในบางครั้ง โดยเฉพาะช่วงแรกของการให้นม และบางคนอาจเผชิญกับภาวะเต้านมอักเสบ หากดูแลไม่ถูกวิธี

5. มีอาการผมร่วง

หลังคลอด ผมอาจเริ่มร่วงมากกว่าปกติในช่วง 3-4 เดือนแรก และอาจมีรอยแตกลายที่หน้าท้องหรือสะโพก ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่มักจะค่อย ๆ จางลงตามเวลา เมื่อฮอร์โมนกลับสู่ระดับปกติจะใช้ระยะเวลาประมาณ 6 - 12 เดือน

6. ระบบขับถ่าย

บางคนอาจมีอาการท้องผูก ริดสีดวง หรือรู้สึกกลัวการขับถ่ายหลังคลอด โดยเฉพาะหากมีแผลฝีเย็บหรือผ่าคลอด ซึ่งควรดูแลเรื่องอาหาร ดื่มน้ำมาก ๆ เน้นทานอาหารที่มีเส้นใยสูงเช่นผัก ผลไม้ ธัญพืช

การฟื้นฟูร่างกายหลังคลอด

การดูแลร่างกายหลังคลอดไม่ควรรอให้ผ่านไปหลายเดือนแล้วค่อยเริ่ม แต่ควรเริ่มตั้งแต่ช่วงแรกหลังคลอด (ภายใน 1-6 สัปดาห์แรก) เพราะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายกำลังซ่อมแซมตัวเอง การดูแลร่างกายและจิตใจอย่างเหมาะสมในช่วงนี้จะช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น ป้องกันปัญหาสุขภาพ และลดภาวะแทรกซ้อนระยะยาว

1. พักผ่อนให้เพียงพอ

แม้จะเป็นเรื่องที่ฟังดูง่าย แต่ในชีวิตจริงกลับยากที่สุดสำหรับคุณแม่มือใหม่ โดยเฉพาะช่วงที่ต้องตื่นให้นมลูกบ่อย ๆ ตอนกลางคืน หรือเมื่อลูกนอนไม่เป็นเวลา การอดนอนสะสมอาจทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนแรง และอาจทำให้อารมย์แปรปรวนได้

เคล็ดลับเพื่อการพักผ่อนที่ดี

  • พยายามนอนหรือพักผ่อนเมื่อทารกหลับ
     

  • ขอความช่วยเหลือจากคนรอบตัว เช่น สามีหรือผู้ใหญ่ในบ้าน ให้ช่วยดูแลลูกในช่วงที่คุณแม่ต้องพักผ่อน

การพักผ่อนที่เพียงพอไม่เพียงแค่ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็ว แต่ยังส่งผลต่อคุณภาพของน้ำนม และสุขภาพจิตของคุณแม่ด้วย

2. กินอาหารที่มีประโยชน์

อาหารที่คุณแม่กินหลังคลอดจะส่งผลโดยตรงต่อการฟื้นตัวของร่างกาย และคุณภาพของน้ำนมในตัวแม่ ดังนั้นการเน้นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการจึงสำคัญมาก โดยเฉพาะกลุ่มอาหารที่ช่วยเพิ่มพลังงาน เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ

  • โปรตีน: ไข่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ถั่ว เต้าหู้
     

  • แคลเซียม: นม ปลา หรือผักใบเขียว
     

  • เหล็ก: ตับ ไข่แดง ถั่วแดง
     

  • น้ำ: ควรดื่มอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพื่อช่วยให้ร่างกายผลิตน้ำนม และป้องกันท้องผูก
     

หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ของทอด ของหมักของดอง คาเฟอีน แอลกอฮอล์ เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพของลูกหากให้นมอยู่

3. หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก

ช่วงแรกหลังคลอด ร่างกายยังไม่พร้อมสำหรับงานบ้าน งานใช้แรง หรือกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวมาก เช่น การยกของหนัก การทำความสะอาดบ้านหนัก ๆ หรือการออกกำลังกายแบบหักโหม เนื่องจากร่างกายยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานยังอ่อนแรง หากมีการหักโหมอาจทำให้เกิดภาวะมดลูกหย่อนหรือปัสสาวะเล็ดได้

4. ดูแลแผลคลอดหรือแผลผ่าตัด

บาดแผลจากการคลอดเป็นจุดที่ต้องดูแลให้สะอาด ป้องกันการติดเชื้อ และไม่ควรละเลยสัญญาณผิดปกติ เช่น บวม แดง มีกลิ่น หรือรู้สึกเจ็บ ปวดมาก

แนวทางการดูแล

  • คลอดธรรมชาติ: ล้างแผลเย็บด้วยน้ำสะอาด หลีกเลี่ยงการใช้สบู่แรง ๆ ซับให้แห้งเบา ๆ
     

  • ผ่าคลอด: เช็ดแผลด้วยสำลีชุบน้ำเกลือ หลีกเลี่ยงไม่ให้โดนกน้ำหรือขยับตัวแรง ๆ ควรใส่เสื้อผ้าที่หลวม ระบายอากาศได้ดี
     

หากมีไข้สูง รู้สึกเจ็บแผลมากขึ้น หรือมีหนอง ควรรีบพบแพทย์ทันที

5. เคลื่อนไหวอย่างเบา ๆ 

แม้ว่าไม่ควรออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่ แต่การขยับร่างกายเบา ๆ ช่วงหลังคลอดด้วยการเดินช้า ๆ จะช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด

6. งดมีเพศสัมพันธ์

ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 2 เดือน เนื่องจากแผลบริเวณช่องคลอด มดลูก และฮอร์โมนที่ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ การมีเพศสัมพันธ์เร็วเกินไปอาจทำให้แผลเปิด อักเสบ หรือเสี่ยงติดเชื้อได้

 

หลังคลอดไม่ใช่แค่ช่วงเวลาของความสุขที่ได้พบหน้าลูกน้อยเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายของคุณแม่ต้องการการฟื้นฟูและดูแลอย่างจริงจัง ทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ และพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการฟื้นฟูร่างกายหลังคลอดสามารถปรึกษาได้ที่ แผนกสูติ-นรีเวช โรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม โทร 052-004699 ต่อ 1500


อ่านเนื้อหาเกี่ยวกับ ภาวะหลังคลอด