โรคเส้นเลือดสมอง หรือที่หลายคนอาจคุ้นเคยในชื่อ Stroke เกิดจากการที่เส้นเลือดในสมองตีบ ตัน หรือแตก จนทำให้สมองขาดเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยง ส่งผลให้เซลล์สมองเกิดความเสียหายอย่างรวดเร็ว หากไม่ได้รับการรักษาให้ทันเวลา อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิต เช่น เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
หลายคนอาจเข้าใจว่าการรักษาโรคเส้นเลือดสมองจำเป็นต้องเข้ารับผ่าตัดเสมอ ในปัจจุบันมีวิธีการรักษาที่ช่วยให้คนไข้ฟื้นตัวได้โดยไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับแนวทางการรักษาโรคเส้นเลือดสมอง ตีบ แตก ตัน โดยไม่ต้องผ่าตัด พร้อมกับวิธีสังเกตอาการด้วยหลักการ BEFAST
ในปัจจุบันมีวิธีการรักษาโรคเส้นเลือดสมองที่ไม่จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด ซึ่งเห็นผลและปลอดภัยมากขึ้นด้วยนวัตกรรรมการรักษาที่ทันสมัยมากขึ้น จึงทำให้การรักษาหลอดเลือดไม่กระทบต่ออวัยวะบริเวณอื่นมากนัก
ยาละลายลิ่มเลือด (rt-PA) เป็นยาที่ใช้กระตุ้นให้ก้อนเลือดที่แข็งตัวสลายตัวและละลาย เพื่อเปิดทางให้เลือดสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้เป็นปกติ
ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบ และ อุดตัน มารักษาที่โรงพยาบาลทัน 4.5 ชั่วโมง
ผู้ป่วยอายุมากกว่า 18 ปี
ทำการ CT Scan สมองแล้วไม่พบว่ามีเลือดออกในสมอง
อาจเกิดภาวะเลือดออกในสมองเนื่องจากผนังหลอดเลือดบริเวณที่เกิดการอุดตันมีการเสื่อมสภาพลง
กลไกการห้ามเลือดของร่างกายมีประสิทธิภาพลดลง
การใส่สายสวนลากลิ่มเลือดเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบและอุดตันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแพทย์จะใช้สายสวนขนาดเล็กใส่ผ่านหลอดเลือดแดงใหญ่บริเวณขาหนีบไปจนถึงจุดที่เกิดการอุดตันในสมอง และลากลิ่มเลือดที่อุดตันออกจากหลอดเลือด ทำให้เลือดสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงสมองส่วนที่ขาดเลือดได้
วิธีการลากลิ่มเลือดนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่รับยาละลายลิ่มเลือดแล้วไม่ได้ผล มาโรงพยาบาลช้ากว่า 4.5 ชั่วโมงหลังเริ่มมีอาการหรือผู้ที่มีข้อห้ามในการใช้ยาละลายลิ่มเลือด ซึ่งการรักษาด้วยสายสวนลากลิ่มเลือดสามารถขยายเวลาการรักษาได้นานถึง 6 ชั่วโมง หรือผู้ป่วยบางรายแพทย์ประเมินแล้วว่ามีโอกาสทำสำเร็จ อาจขยายเวลาได้ถึง 24 ชั่วโมง
สามารถเปิดหลอดเลือดที่อุดตันได้มากถึง 80%
ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต
ผู้ป่วยมีโอกาสฟื้นตัวและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วขึ้น
แพทย์จะพิจารณาใช้วิธีใส่สายสวนลากลิ่มเลือด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
เข้ารับการรักษานานกว่า 4.5 ชั่วโมง
ผู้ป่วยที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือดแล้วไม่ได้ผล
ผู้ป่วยเข้ารับการ CT-Scan หรือ MRI พบว่ามีลิ่มเลือดอุดตันขนาดใหญ่บริเวณหลอดเลือดสมองและยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยังสามารถทำการรักษาด้วยวิธีลากลิ่มเลือดได้
ทำการให้ยาสลบกับผู้ป่วย
ทำความสะอาดฆ๋าเชื่อบริเวณขาหนีบ
เปิดแผลขนาดเล็กประมาณ 3 - 4 มิลลิเมตรเพื่อทำการสอดสายสวน
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการสอดสายสวนเข้าทางหลอดเลือดแดงใหญ่ที่ขาหนีบจนไปถึงตำแหน่งลิ่มเลือดอุดตันบริเวณสมองโดยจะต้องอาศัยเครื่อง X-Ray เป็นตัวบอกตำแหน่ง
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะนำขดลวดขนาดเล็ก (Stent) ใส่เข้าไปผ่านสายสวนไปจนถึงตะแหน่งลิ่มเลือด จากนั้นจะทำการค่อย ๆ ปล่อยขดลวดให้กางออกลักษณะเป็นตะแกรงเพื่อจับลิ่มเลือดและนำออกมาผ่านสายสวน
หลังจากดึงลิ่มเลือดออกแล้วแพทย์จะทำการดึงสายสวนออกจากร่างกายผู้ป่วยทางขาหนีบ
หลังจากทำการรักษาเสร็จทีมแพทย์จะทำความสะอาดแผลและให้ผู้ป่วยนอนพักฟื้น พร้อมสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
B (Balance) เวียนหัว เดินเซ ทรงตัวไม่ได้
E (Eyes) ตามัว มองไม่เห็นข้างใดข้างหนึ่ง หรือ ซักหนึ่งเฉียบพลัน
F (Face) ใบหน้าเบี้ยว หรือ ปากเบี้ยว
A (Arms) แขนขาอ่อนแรง ยกไม่ขึ้น
S (Speech) พูดไม่ชัดหรือพูดติดขัด
T (Time) หากพบอาการ ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที
รายละเอียดเพิ่มเติม สัญญาณของการเป็นโรคเส้นเลือดสมอง หรือ Stroke
โรคเส้นเลือดสมอง ตีบ-แตก-ตัน เป็นภาวะที่ต้องเข้ารับการการดูแลรักษาอย่างเร่งด่วนมากที่สุดและจะต้องดูแลโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ปัจจุบันศูนย์เฉพาะทางโรคหลอดเลือดสมองโรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม มีบริการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยดูแลอย่างใกล้ชิดโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางพร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับวิธีการบำบัดผู้ป่วยอย่างถูกวิธี
โรงพยาบาลเชียงใหม่ รามแนะนำบริการตรวจคัดกรองโรคหลอดเลือดในสมองเพื่อป้องกันตรวจหาความเสี่ยงที่จะเกิดเป็นโรคหลอดเลือดสมองและได้รับการรักษาได้ทันเวลา