โรคหินปูนในหูชั้นในกับอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน
โรคนี้เป็นโรคที่พบมากที่สุดในจำนวนผู้ที่มีอาการเวียนศีรษะแบบบ้านหมุนจากสถิติมีรายงาน พบโรคนี้ร้อยละ 20-30 ในคลินิก โรคเวียนศีรษะ ส่วนมากจะพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายในอัตราส่วน 1:5 – 2:1
สาเหตุของโรค
สาเหตุของโรคพอจะสันนิษฐานได้ว่าเกิดจากเคยได้รับอุบัติเหตุทางศรีษะมาก่อนพบร้อยละ 47 เคยมีการติดเชื้อในหูชั้นในร้อยละ 26 เส้นประสาทหูอักเสบ คนสูงอายุหรือคนที่นอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน คนที่เครียดและขาดการออกกำลังกายพยาธิสภาพเกิดขึ้นในอวัยวะที่ควบคุมการทรงตัวรูปเกือกม้าในหูชั้นในพบที่ส่วนหลังมากที่สุด (ร้อยละ 90) รองลงมาเป็นส่วนที่อยู่ในแนวนอนร้อยละ 5-10 และส่วนที่อยู่ด้านหน้าร้อยละ 1 เชื่อว่าเกิดจากมีการตกตะกอนของสารที่อยู่ภายใน หรือมีหินปูนจากอวัยวะที่ควบคุมการทรงตัวข้างเคียงหลุดเข้ามาอยู่ภายในอวัยวะรูปเกือกม้า
อาการเวียนศีรษะแบบบ้านหมุน เป็นอย่างไร ?
ผู้ป่วยมักมีอาการเวียนศีรษะแบบบ้านหมุนเมื่อมีการเคลื่อนไหวของศีรษะ โดยเฉพาะในแนวดิ่ง เช่นมีอาการเวียนศีรษะเมื่อล้มลงนอนหรือลุกจากที่นอน ก้มหยิบของ เงยหน้ามองที่สูง หรือไปนอนสระผมที่ร้านทำผม เป็นต้น โดยในท่าเหล่านี้แรงดึงดูดของโลกจะมีผลทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของตะกอนหินปูนหรือแคลเซียมที่อวัยวะควบคุมการทรงตัวในหูชั้นใน ผู้ป่วยจะมีอาการเวียนศรีษะแบบบ้านหมุนตามด้วยอาการคลื่นไส้อาเจียน อาการเวียนศีรษะแบบบ้านหมุนมักจะมีอาการไม่นาน มักเป็นแค่ช่วงวินาทีขณะที่ขยับศีรษะแล้วค่อยๆ หายไปเอง แต่สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการได้อีก เมื่อผู้ป่วยขยับศีรษะในท่าเดิมอีก บางรายอาจมีอาการมึนศีรษะอยู่เป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน
โดยทั่วไปอาการเวียนศีรษะในครั้งแรกจะรุนแรงต่อมาจะค่อยๆ ลดความรุนแรงลง อาการเวียนศีรษะเป็นได้หลายๆ ครั้งต่อวัน มักเป็นอยู่หลายวันแล้วค่อยๆ ดีขึ้นในเวลาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนในบางรายอาการจะกลับเป็นซ้ำขึ้นอีกในเวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี
ผู้ป่วยจะไม่มีอาการหูอื้อ ไม่พบการสูญเสียการได้ยินหรือมีเสียงผิดปกติในหูและไม่พบอาการทางระบบประสาทอื่นร่วมด้วย ผู้ป่วยรู้ตัวดีขณะเวียนศีรษะและไม่มีอาการหมดสติ
จะรักษาโรคหินปูนในหูชั้นในได้อย่างไร?
ส่วนวิธีที่ 2 จะแนะนำให้ผู้ป่วยกลับไปทำกายภาพบำบัดที่บ้าน ซึ่งวิธีนี้ผู้ป่วยสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เมื่อทำครั้งแรกๆ จะมีอาการเวียนศีรษะ แต่พอทำไปนานๆ ร่างกายจะปรับตัว อาการเวียนศีรษะจะดีขึ้นตามลำดับ