รู้จักกับโรคหัวใจขาดเลือด พร้อมสาเหตุ อาการและการป้องกัน
November 12 / 2025

โรคหัวใจขาดเลือด

 

โรคหัวใจขาดเลือด (Coronary Artery Disease) เป็นหนึ่งในโรคที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกมากที่สุด โดยเกิดจากการที่หลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจได้รับเลือดและออกซิเจนไม่เพียงพอ หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันและเสียชีวิตได้

สาเหตุของ โรคหัวใจขาดเลือด มักเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตในระยะยาว เช่น การรับประทานอาหารไขมันสูง สูบบุหรี่ ความเครียด หรือแม้แต่กรรมพันธุ์ การเข้าใจโรคนี้อย่างลึกซึ้งจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะ การรู้ทันและป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ  คือกุญแจสำคัญในการป้องกันไม่ให้เกิดโรคร้ายแรงนี้

โรคหัวใจขาดเลือด คืออะไร

โรคหัวใจขาดเลือด หรือชื่อทางการแพทย์ว่า Coronary Artery Disease CAD เกิดจากภาวะที่หลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตันเนื่องจากมีไขมัน (พลัค) ไปสะสมอยู่ที่ผนังหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ

เมื่อกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด จะเกิดอาการเจ็บแน่นหน้าอก หายใจไม่อิ่ม เหนื่อยง่าย และหากรุนแรงจนเลือดไม่สามารถไปเลี้ยงหัวใจได้เลย จะเกิดภาวะ กล้ามเนื้อหัวใจวายเฉียบพลัน Heart Attack

สาเหตุของโรคหัวใจขาดเลือด

สาเหตุหลักของ โรคหัวใจขาดเลือด คือการสะสมของไขมันไม่ดี LDL Cholesterol ภายในหลอดเลือด ซึ่งจะค่อย ๆ แข็งตัวและทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง การไหลเวียนของเลือดจึงลดลง

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด ได้แก่

  • การสูบบุหรี่
     

  • ความดันโลหิตสูง
     

  • เบาหวาน
     

  • ไขมันในเลือดสูง
     

  • โรคอ้วน และน้ำหนักเกิน
     

  • ความเครียดเรื้อรัง
     

  • ขาดการออกกำลังกาย
     

  • พันธุกรรมหรือประวัติครอบครัวที่เป็นโรคหัวใจ
     

นอกจากนี้ อายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะหลังอายุ 45 ปีในผู้ชาย และ 55 ปีในผู้หญิง ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิด โรคหัวใจขาดเลือด ได้มากขึ้นด้วย

อาการของโรคหัวใจขาดเลือด

โรคหัวใจขาดเลือด อาการ ที่พบได้บ่อยจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ

อาการโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน

อาการจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อหลอดเลือดอุดตันจนเลือดไม่สามารถไหลผ่านได้เลย

สัญญาณเตือนที่ควรระวัง

  • เจ็บแน่นหน้าอก คล้ายของหนักกดทับ
     

  • เจ็บร้าวไปที่กราม คอ แขนซ้าย หรือหลัง
     

  • หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย
     

  • เหงื่อออกมากกว่าปกติ
     

  • คลื่นไส้ อาเจียน
     

  • หน้ามืดหรือหมดสติ
     

หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที เพราะอาจเป็นภาวะ กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน

อาการโรคหัวใจขาดเลือดเรื้อรัง

ในบางรายหลอดเลือดตีบเพียงบางส่วน ทำให้เกิดอาการแบบเป็น ๆ หาย ๆ หรือเฉพาะเวลาหัวใจต้องทำงานหนัก เช่น ออกแรง เดินขึ้นบันได หรือเครียด

อาการที่พบได้

  • เจ็บแน่นหน้าอกขณะออกแรง แต่จะดีขึ้นเมื่อพัก
     

  • เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
     

  • ใจสั่น หรือหายใจไม่อิ่ม
     

  • เวียนหัว หรือรู้สึกหมดแรง
     

ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงควรเข้ารับการตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำ

การวินิจฉัยโรคหัวใจขาดเลือด

แพทย์จะวินิจฉัยโดยอาศัยอาการของผู้ป่วยร่วมกับการตรวจทางการแพทย์ ดังนี้

  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ECG เพื่อดูการทำงานของหัวใจและการไหลเวียนของเลือด
     

  • การตรวจขณะเดินสายพาน Exercise Stress Test ประเมินสมรรถภาพหัวใจเมื่อออกแรง
     

  • อัลตราซาวด์หัวใจ Echocardiogram ตรวจการบีบตัวและการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ
     

  • การตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ MRI  ใช้ดูภาพหลอดเลือดหัวใจอย่างละเอียด
     

  • การฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ Coronary Angiogram เป็นการตรวจที่แม่นยำที่สุด เพื่อดูตำแหน่งและระดับการตีบของหลอดเลือด
     

การตรวจเหล่านี้ช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย

 

โรคหัวใจขาดเลือด รักษายังไง และ รักษาหายไหม

โรคหัวใจขาดเลือดรักษาหายไหม สามารถควบคุมได้ แต่ไม่สามารถหายขาด 100% อย่างไรก็ตาม หากได้รับการรักษาและปรับพฤติกรรมอย่างถูกต้อง ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติ

แนวทางการรักษาแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่

  1. การรักษาด้วยยา
     

    • ยาต้านเกล็ดเลือด เช่น แอสไพริน
       

    • ยาขยายหลอดเลือดหัวใจ
       

    • ยาควบคุมไขมันในเลือด
       

    • ยาลดความดันโลหิต
       

    • ยารักษาเบาหวา
       

  2. การขยายหลอดเลือดหัวใจ Balloon & Stent
     

    • แพทย์จะสอดสายสวนเข้าไปยังหลอดเลือดหัวใจเพื่อขยายจุดตีบด้วยบอลลูน
       

    • อาจใส่ขดลวด Stent เพื่อป้องกันการตีบซ้ำ
       

    • มีทั้งขดลวดเคลือบยา ขดลวดไม่เคลือบยา และขดลวดละลายได้ ขึ้นอยู่กับสภาพผู้ป่วย
       

  3. การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ Bypass Surgery
     

    • ใช้ในกรณีที่หลอดเลือดตีบหลายตำแหน่ง หรือไม่สามารถใส่ขดลวดได้
       

    • ศัลยแพทย์จะนำหลอดเลือดจากส่วนอื่นของร่างกายมาทำทางเบี่ยง เพื่อให้เลือดไหลเวียนได้ตามปกติ
       

การป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด

การป้องกันย่อมดีกว่าการรักษา โดยเฉพาะกับ โรคหัวใจขาดเลือด ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตโดยตรง

ปรับพฤติกรรมการกิน

  • หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง เช่น ของทอด อาหารแปรรูป
     

  • รับประทานผัก ผลไม้ และธัญพืชไม่ขัดสี
     

  • ลดการกินเกลือและน้ำตาล
     

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
     

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น และควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ แนะนำออกกำลังกายโดยการเดินเร็ว วิ่งเหยาะ ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยานอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน

ควบคุมน้ำหนักและลดความเครียด

  • รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
     

  • ฝึกสมาธิ โยคะ หรือทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจ
     

  • พักผ่อนให้เพียงพอ
     

สรุป

โรคหัวใจขาดเลือด เป็นโรคที่เกิดจากการตีบหรืออุดตันของหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งสามารถควบคุมและป้องกันได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ตั้งแต่การกิน ออกกำลังกาย ไปจนถึงการจัดการความเครียด

การตรวจสุขภาพประจำปีและสังเกตอาการของตนเองอยู่เสมอ คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณรู้เท่าทันโรคและป้องกันภาวะรุนแรงได้ทันเวลา