การคลอดเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ต้องมีการเตรียมตัวและตัดสินใจอย่างรอบคอบ เพราะวิธีการคลอดทั้งคลอดธรรมชาติ และ ผ่าคลอดแต่ละแบบมีข้อแตกต่างกัน การเลือกวิธีคลอดขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สุขภาพของคุณแม่ ตำแหน่งของทารก หรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวชวิทยาจะเป็นผู้แนะนำวิธีการคลอดให้กับคุณแม่เพื่อความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับการคลอดธรรมชาติและการผ่าคลอดแต่ละวิธีมีความแตกต่างกันยังไง
การคลอดธรรมชาติ เป็นการคลอดที่คุณแม่คลอดทารกออกมาด้วยการเบ่งทางช่องคลอด ที่ไม่มีการผ่าตัดซึ่งจะทำการคลอดหลังจากอายุครรภ์ครบกำหนด ประมาณ 37-42 สัปดาห์ ซึ่งทารกจะอยู่ในท่ากลับศีรษะเคลื่อนตัวมายังอุ้งเชิงกรานเพื่อเตรียมคลอดแบบธรรมชาติ
การคลอดธรรมชาติจะประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอน
จะเกิดขึ้นเมื่อปากลูกเริ่มขยายตัวกว้าง 10 เซนติเมตร โดยสัญญาณเตือนจะแบ่งออกเป็น 3 ระยะได้แก่
ระยะเริ่มต้น Early labor เป็นระยะที่ปากมดลูกเริ่มขยายตัวอย่างช้าๆ ประมาณ 5 เซนติเมตร ในระยะนี้มดลูกจะบีบตัวครั้งละ 30 – 45 วินาที ทุกๆ 5-30 นาที คุณแม่อาจจะมีอาหารเหล่านี้ร่วมด้วย อาเจียน ท้องเสียเล็กน้อย ปวดท้อง ปวดหลังช่วงล่าง มีอาการน้ำเดินใสๆเล็กน้อย
ระยะเร่ง Active labor มดลูกจะบีบตัวบ่อยขึ้น แรงขึ้น ครั้งละ 45 – 60 วินาที ทุกๆ 3-5 นาที ปากมดลูกจะขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 7 เซนติเมตรจากระยะเริ่มต้น คุณแม่จะมีอาการเจ็บครรภ์มากขึ้นและมีอาการปวดบริเวณหลังส่วนล่าง ท้อง ต้นขา ร่วมด้วย
ระยะเปลี่ยนผ่าน Transitional labor มดลูกจะบีบตัวบ่อยขึ้นครั้งละ 60 – 90 วินาที ทุกๆ 0.5 – 3 นาที ปากมดลูกจะมีความกว้างมากถึง 10 เซนติเมตรจากระยะเร่ง คุณแม่จะมีอารมณ์แปรปรวนบ่อยขึ้น
ขั้นตอนนี้คุณแม่พร้อมที่จะคลอดทารก โดยจะรู้สึกถึงแรงดันบริเวณช่วงล่างจนคุณแม่เริ่มอยากเบ่งคลอด ในขั้นตอนนี้ปกติแล้วสำหรับคุณแม่ที่มีสุขภาพแข็งแรง อาจใช้เวลาเพียง 2-3 นาทีสามารถคลอดทารกออกมาได้สำเร็จ จากนั้นแพทย์จะใช้ลูกยางเพื่อดูด เมือก น้ำคร่ำออกจากปากและจมูกของทารก เพื่อเปิดช่องทางเดินหายใจให้เด็กทารก
หลังจากคลอดเด็กทารกออกมาสำเร็จแล้ว ต่อไปจะเป็นการให้คุณแม่คลอดรกที่อยู่ภายในออกมา เพียงแค่เบ่งเบาๆ 1 - 2 ครั้ง รกก็จะออกมาจากนั้นแพทย์ก็จะดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดว่ารกที่คลอดมาออก มาหมด เพื่อป้องกันไม่ให้คุณแม่มีอาการติดเชื้อหรือตกเลือดหลังคลอด
ไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด
ฟื้นตัวได้เร็วกว่าการผ่าคลอด
มีแผลหลังคลอดน้อย (มีแผลเฉพาะภายนอกมดลูก)
ไม่เกิดพังผืดในช่องท้อง
โอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังคลอดน้อย
สามารถให้นมลูกได้ทันทีหลังคลอดเสร็จ
มีอาการปวดท้องระหว่างทำการคลอด
หากคุณแม่ไม่มีแรงเบ่ง อาจจะต้องใช้เครื่องดูดสูญญากาศ หรือคีมช่วยนำเด็กออกมา
หากทารกตัวใหญ่ อาจส่งผลให้คลอดลำบากมีโอกาสที่คุณแม่จะต้องเข้ารักการผ่าตัดฉุกเฉิน
การผ่าคลอดเป็นวิธีการคลอดที่แพทย์จะทำการผ่าตัดเปิดบริเวณหน้าท้องและมดลูกเพื่อนำทารกออกมา วิธีการผ่าคลอดนี้จะเหมาะกับคุณแม่ที่มีเชิงกรานแคบ ทารกอยู่ในท่าที่ผิดปกติ หัวใจทารกเต้นผิดปกติ สายสะดือสั้น รกเกาะต่ำ ครรภ์แฝด ครรภ์เป็นพิษ รวมไปถึงปัญหาสุขภาพร่างกายของคุณแม่ที่ไม่พร้อมใช้วิธีการคลอดแบบธรรมชาติ
สำหรับการผ่าคลอดแพทย์จะมีการนัดวางแผนไว้ล่วงหน้าเมื่อถึงวันผ่าแพทย์จะให้งดน้ำ งดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วมงก่อนเข้ารับการผ่าตัด จากนั้นทีมแพทย์จะทำความสะอาดบริเวณหน้าท้อง โกนขนบริเวณหน้าท้อง ใส่สายสวนปัสสาวะ
การให้ยาระงับความรู้สำหรับการผ่าคลอดจะมีอยู่ 2 วิธีด้วยกันโดยการเลือกใช้ยาระงับความรู้สึกจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของวิสัญญีแพทย์
หลักจากให้ยาสลบ หรือยาชาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แพทย์จะเริ่มลงมีดผ่าคลอดโดยจะนิยมอยู่ 2 วิธีคือ ผ่าแนวกลางลำตัว (vertical incision) และผ่าแนวขวาง (transverse incision) ทั้ง 2 วิธีนี้ก็จะมีข้อแตกต่างกันไป ในขั้นตอนนี้จะใช้เวลาผ่าคลอดประมาณ 45 - 60 นาที
เมื่อการผ่าคลอดทารก และนำรกออกจากมดลูกแล้วทีมแพทย์จะทำการเย็บปิดผนังมดลูก ปัจจุบันจะนิยมใช้ไหมละลายในการเย็บแผล
หลังผ่าคลอด 24 ชั่วโมงหากไม่เกิดอาการภาวะแทรกซ้อน แนะนำให้คุณแม่สามารถรับประทานอาหารอ่อนก่อนช่วงแรก เพื่อป้องกันการเกิดอาการท้องอืด ปวดท้อง และหลังผ่าคลอดเสร็จควรพักฟื้นที่โรงพยาบาลเป็นระยะเวลาประมาณ 3 - 5 วัน
สามารถนัดวันผ่าคลอดล่วงหน้าได้
ระหว่างผ่าคลอดคุณแม่จะไม่รู้สึกเจ็บ
ลดความเสี่ยงสายสะดือถูกกดทับระหว่างทำคลอด
ลดการยืดหย่อนของเชิงกราน เนื่องจากไม่ต้องใช้แรงเบ่ง
มีรอยแผลผ่าตัดบริเวณหน้าท้อง
ฟื้นตัวช้ากว่าคลอดธรรมชาติ
ไม่สามารถให้นมลูกได้ทันทีหลังผ่าคลอด
อาจเกิดพังผืดในช่องท้อง
อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนตกเลือดหลังคลอด หรือทารกเสี่ยงมีปัญหาระบบทางเดินหายใจ
สามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับ ภาวะความแปรปรวนหลังคลอดพร้อมวิธีรับมือที่ถูกต้อง
หากคุณแม่ท่านใดมีแผนที่จะสร้างครอบครัว กำเนิดลูกน้อย ทา แผนกสูติ-นรีเวช โรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม พร้อมให้คำปรึกษาโทร 052-004699 ต่อ 1500 หรือสนใจแพ็กเกจคลอดสามารถดูรายละเอียดแพ็กเกจผ่าคลอดเพิ่มเติม