“โรคเฮอร์แปงไจน่า” (Herpangina) ฟังชื่อแล้วอาจไม่คุ้นหูสำหรับคุณพ่อคุณแม่ แต่โรคนี้เป็นโรคระบาดที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับโรคมือ เท้า ปาก ซึ่งอยู่ในกลุ่มของเอนเตอโรไวรัส (Enterovirus) และจะพบมากในเด็กที่มีอายุไม่เกิน 10 ขวบเช่นเดียวกัน แต่มีความแตกต่างกันคือโรคนี้จะเกิดแผลที่บริเวณปากเท่านั้น โดยจะมีแผลในช่องปากบริเวณเพดานอ่อน ลิ้นไก่ ต่อมทอนซิล และในโพรงคอหอยด้านหลัง นอกจากนี้เด็กที่ติดเชื้อจะมีอาการไข้สูงประมาณ 39.5-40 องศาเซลเซียส และอาจมีอาการไอ จามได้อีกด้วย
โรคเฮอร์แปงไจน่าสามารถติดต่อกันได้ทางน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ อุจจาระ รวมไปถึงการแพร่เชื้อที่อาจมาจากการสัมผัสวัสดุต่างๆร่วมกัน หรือ ปนเปื้อนมากับ น้ำ อาหาร ผ่านเข้าทางปากสู่ระบบทางเดินอาหาร ซึ่งไวรัสกลุ่มนี้มีศักยภาพสูงมากในการก่อโรค การได้รับเชื้อเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้ติดเชื้อได้ ดังนั้นจึงเป็นโรคระบาดสำหรับเด็กที่ไม่ควรมองข้าม
แม้ว่าโรคนี้จะมีอาการไม่รุนแรง และอาจหายได้เองในประมาณ 7 วัน แต่ก็ทำให้เด็กที่ติดเชื้อมีอาการไข้สูงประมาณ 39.5-40 องศาเซลเซียส ปวดศรีษะ ปวดเมื่อยตามตัว อาเจียน ทำให้อาจเกิดอาการแทรกซ้อน เช่น การอักเสบของก้านสมอง กล้ามเนื้ออ่อนแรง และ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ซึ่งอาจทำให้เกิดความรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็มีการพบเจออาการแทรกซ้อนเหล่านี้ได้น้อย โรคเฮอร์แปงไจน่าจะมีลักษณะเด่นคือ จะมีอาการเจ็บบริเวณเพดานปากและคอนำมาก่อน ต่อมาจะมีจุดสีแดงบริเวณช่องปาก ลิ้นไก่ ลำคอ หรือทอนซิล อาจเป็นแผลเล็กๆขึ้นเป็นตุ่มน้ำ หรือมีการอักเสบรอบแผลประมาณ 5-10 ตุ่ม หลังจากนั้นไข้จะลดลงภายใน 2-4 วัน ก่อนที่ตุ่มจะหายไปใน 1 สัปดาห์
ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคเฮอร์แปงไจน่าโดยตรง ดังนั้นจึงควรป้องกันด้วยวิธีการล้างมือให้สะอาด ระมัดระวังการสัมผัสสิ่งของต่างๆร่วมกับคนอื่น โดยเฉพาะเด็กๆที่ใช้ของเล่นร่วมกันในโรงเรียน ถ้าพบอาการดังกล่าวควรให้เด็กหยุดเรียนเพื่อระงับการแพร่ระบาด หากติดเชื้อสามารถรักษาได้ตามอาการ โดยการเช็ดตัวเพื่อลดไข้ หรือให้ยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้ ควรดื่มน้ำให้มากๆ รับประทานอาหารอ่อน หากไข้ไม่ลดลงภายใน 3 วัน หรือมีภาวะขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง ปัสสาวะน้อย ควรรีบนำผู้ป่วยไปพบแพทย์โดยด่วน
แม้ว่าโรคเฮอร์แปงไจน่าจะสามารถหายได้เอง แต่หากพบว่ามีอาการดังกล่าว ควรรีบพาน้องๆมาพบแพทย์ เพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตราย ซึ่งที่โรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม มีแพทย์เฉพาะทางโรคเด็กที่พร้อมให้การรักษา