“โรคหัวใจและหลอดเลือด”เป็นโรคที่คร่าชีวิตใครต่อใครมากกว่าที่เราคิด คนทั่วโลกเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดเฉลี่ยประมาณนาทีละ 34 คน (จากการคาดการณ์โดย WHO ในปี 2562) และ คนไทยเองก็เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดประมาณชั่วโมงละ 7 คน (จากข้อมูลทางสถิติของกระทรวงสาธารณสุขในปี 2557) จะเห็นได้ว่าโรคหัวใจและหลอดเลือดถือเป็นมัจจุราชที่น่ากลัวโดยที่เราอาจไม่รู้ตัวมาก่อน ซึ่งสาเหตุของโรคนี้เกิดจากไขมันและเนื้อเยื่อที่สะสมอยู่ในผนังหลอดเลือด ทำให้ผนังหลอดเลือดชั้นในมีความหนามากขึ้น ส่งผลให้หลอดเลือดตีบแคบลง และส่งเลือดที่จะนำออกซิเจนไปเลี้ยงหัวใจได้น้อยลงด้วย จนอาจทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด นำมาซึ่งอาการเจ็บหน้าอก และ หากเกิดการอุดตันของหลอดเลือดเฉียบพลัน จากการที่คราบไขมันที่สะสมอยู่ในผนังหลอดเลือดหัวใจชั้นในดังกล่าวแตกออก จะกลายเป็นลิ่มเลือด ส่งผลในเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน อันนำไปสู่อาการแทรกซ้อนอื่นๆจนเกิดอันตรายต่อชีวิตได้
แต่หากคุณดูแลสุขภาพให้ดี คุณก็อาจจะมีวิธีถอยออกจากโรคร้ายได้ ซึ่งสาเหตุสำคัญของโรคนี้ก็ได้แก่ ‘โรคอ้วน’ อันเนื่องมาจากการกินที่ไม่สัมพันธ์กับพลังงานที่ใช้ออกไปนั่นเอง เรียกได้ว่า ‘การกิน’ เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราอยู่ห่างจากโรคนี้ได้ ซึ่งเราจำเป็นจะต้องดูแลการกินของเราตามแนวทาง ดังต่อไปนี้
เนื่องจากเมื่อทานอาหารที่มีรสเค็มมากเข้าไป จะทำให้ร่างกายดูดน้ำเข้ากระแสเลือดมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณเลือดในร่างกายเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้หัวใจทำงานหนัก ยิ่งประกอบกับภาวะไตเสื่อมหรือไตวายร่วมด้วย ก็จะยิ่งทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้นอีก ทำให้ผู้ป่วยมีอาการหอบเหนื่อยหรือบวมได้ง่าย
จากการศึกษาวิจัยพบว่า การลดไขมันในเลือดจะช่วยชะลอการตีบของหลอดเลือดหัวใจลงได้ แม้ว่าอาจจะไม่มาก แต่การควบคุมอาหารก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากสามารถส่งผลต่อสุขภาพได้ในระยะยาว โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัวที่มาจากสัตว์ หรือ พืช (เช่น เนย,มะพร้าว,ปาล์ม) เพราะร่างกายสามารถสร้างไขมันอิ่มตัวได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องรับจากภายนอก หากเราบริโภคไขมันประเภทนี้มากเกินไป ก็จะทำให้เพิ่มไขมันไม่ดีในเลือดให้มากขึ้นด้วย (แอลดีแอล คอเลสเตอรอล)
เนื่องจากอาหารประเภทนี้จะช่วยลดการดูดซึมไขมันในร่างกายได้ และจากการวิจัยพบว่า การทานอาหารที่มีกากใยเป็นประจำ จะช่วยลดอัตราความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจได้อย่างมีนัยสำคัญ
เนื่องจากการออกกำลังกายจะช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ดีขึ้น
โดยต้องควบคุมดัชนีมวลกาย (Body Mass Index หรือ BMI) ไม่ควรให้เกิน 23 กก./ม.2 (คำนวณจากน้ำหนักตัวหน่วยเป็นกิโลกรัม หารด้วย ส่วนสูงหน่วยเป็นเมตรยกกำลังสอง) และรอบเอวไม่ควรเกิน 32 นิ้วสำหรับผู้หญิง และ 36 นิ้วสำหรับผู้ชาย
แต่หากหลายคนที่มีอาการของโรคหัวใจและหลอดเลือดแล้ว ก็ต้องทำการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่เป็นปัจจัยเสี่ยง เช่น ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และ ไม่เครียด รวมไปถึงควรปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการรักษาโดยใช้ยา หรือ การผ่าตัดต่อไป
โดยโรงพยาบาลเชียงใหม่รามก็ได้มีบริการรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดด้วยแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ และ อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยเพื่อรักษาได้อย่างทันท่วงที ได้แก่
* เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง (CT 128 Slices)
* เครื่องถ่ายภาพด้วยสนามแม่เหล็กเอ็มอาร์ไอ (MRI) โดยใช้เทคนิคเอ็มอาร์เอ (MRA)
* เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram / EKG)
* เครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ชนิดติดตามตัว (Holter Monitor)
* เครื่องตรวจสมรรถภาพหัวใจของผู้ป่วยหลอดเลือดหัวใจ ขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test)
* เครื่องตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiography)
* ห้องไอซียูเคลื่อนที่ (Mobile ICU / CCU)
จะเห็นได้ว่าโรคหัวใจและหลอดเลือดนั้นมีความน่ากลัว แต่หากคุณให้ความสำคัญกับการกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ อุดมไปด้วยสารอาหารครบทุกหมู่ หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และตรวจสุขภาพเป็นประจำเพียงเท่านี้คุณก็สามารถที่จะถอยห่างออกจากโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างแน่นอน