โรคเกาต์ อาการ สาเหตุการเกิด การรักษาและอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
December 06 / 2017

 

 

โรคเกาต์

โรคเกาต์ เป็นโรคที่หลายคนรู้จักกันดี โดยสามารถเกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารบางประเภท เช่น เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ แต่แท้จริงแล้วโรคนี้ไม่ได้เกิดจากการกินอาหารเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่สามารถทำให้เป็นโรคเกาต์ได้

โรคเกาต์เกิดจากอะไร

โรคเกาต์เกิดจากการที่ร่างกายมีระดับกรดยูริก ในเลือดสูงกว่าปกติ โดยกรดยูริกเป็นสารที่เกิดขึ้นจากการเผาผลาญพิวรีน ซึ่งมีอยู่ทั้งในอาหาร เมื่อกรดยูริกสะสมมากเกินไปและร่างกายไม่สามารถขับออกได้เพียงพอ จะตกผลึกกลายเป็นผลึกยูเรตไปสะสมตามข้อ ทำให้เกิดการอักเสบ ปวด บวม แดง ซึ่งก็คืออาการของ โรคเกาต์

ไตไม่สามารถขับยูริคได้ปกตื

 

 

 

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคเกาต์

  • พันธุกรรม หากครอบครัวมีประวัติเป็นโรคเกาต์ โอกาสเกิดในรุ่นถัดไปจะสูงขึ้น
     

  • การทำงานของไตผิดปกติ ไตมีหน้าที่ขับกรดยูริก หากไตทำงานบกพร่อจะทำให้ขับกรดยูริกออกได้ยากขึ้น
     

  • การดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากส่งผลให้กรดยูริคในเลือดสูงขึ้น
     

  • การรับประทานอาหารที่มีพิวรีนมาก เช่น เครื่องในสัตว์ เนื้อแดง อาหารทะเลบางชนิด
     

  • โรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคอ้วน
     

อาการของโรคเกาต์

โรคเกาต์ อาการ ที่พบบ่อยและมักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันคือการปวดตามข้อ โดยเฉพาะข้อนิ้ว ข้อเข่า

ลักษณะอาการโรคเกาต์

  1. ปวดข้อรุนแรง อาจรุนแรงจนเดินไม่ไหว หรือเคลื่อนไหวได้ลำบาก
     

  2. ข้อบวม แดง ร้อน เกิดาการอักเสบบวม แดงเห็นได้ชัดเจน
     

  3. อาการปวดจะเป็นๆ หายๆ

อาหารที่โรคเกาต์ควรหลีกเลี่ยง

อาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้อาการโรคเกาต์กำเริบ เนื่องจากอาหารหลายชนิดมีพิวรีนสูง เมื่อย่อยแล้วจะกลายเป็นกรดยูริกสะสมตามข้อต่อ

อาหารที่ควรเลี่ยงหากเป็นโรคเกาต์

  • เครื่องในสัตว์
     

  • อาหารทะเลบางชนิด กุ้ง หอย ปู ปลาซาร์ดีน ปลาทู
     

  • เนื้อแดง เนื้อวัว เนื้อแกะ นื้อหมูที่ติดมันมาก
     

  • แอลกอฮอล์
     

  • น้ำตาลฟรุกโตส เครื่องดื่มหวาน น้ำอัดลม

การรักษาโรคเกาต์

การรักษาโรคเกาต์มีวิธีรักษา มีทั้งการใช้ยาและการปรับพฤติกรรม

การรักษาด้วยยา

แพทย์มักสั่งยาเพื่อลดการอักเสบและควบคุมกรดยูริก เช่น

  • ยาลดอาการบรรเทาปวด
     

  • ช่วงที่มีการอักเสบของข้อให้ใช้ยา Colchicine
     

การดูแลตนเอง

  • ดื่มน้ำมากๆ วันละ 2–3 ลิตร เพื่อช่วยขับกรดยูริก และหลีกเลี่ยงอาหารพิวรีนสูง
     

  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และน้ำหวาน
     

  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์
     

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กดแรงตรงข้อ